
Calderazzo on 31 สวัสดีครับทุกท่านที่ได้เข้ามาอ่านรีวิวนี้ ครั้งนี้ผู้เขียนเองได้มีโอกาศไปลิ้มลองอาหารอิตาเลี่ยนที่ร้าน “Calderzzo on 31” ตามคำเชื้อเชิญของเพื่อนผู้ใหญ่ท่านหนึ่งไปลิ้มลองอาหารที่ร้านอาหารอิตาเลี่ยนเปิดใหม่ย่านสุขุมวิท 31 ผมไปเมื่อ 2 อาทิตย์ที่แล้ว ดองไว้ไม่เขียนคิดว่าไม่ต้องเขียนก็ได้เพราะเป็นการเทสติ้งอาหาร ซึ่งอยู่ในช่วงของการเทสระบบก่อนร้านเปิดจริง
ใหนๆ ก็ไปแล้วเขียนไว้สักหน่อยก็ดี เขียนไว้เป็นบันทึกไว้ดีกว่า เพราะตัวเองก็ติดใจในร้านนี้ พรุ่งนี้ตั้งใจว่าจะพาเพื่อนไปที่ร้านนี้อีกครั้ง เป็นการเลี้ยงส่งอำลาเพื่อนก่อนเดินทางกลับอังกฤษ โดยส่วนตัวแล้วติดใจในรสชาติและบรรยากาศของร้านนี้มาก หากสนใจตามอ่านได้เลยนะครับ จะพูดกล่าวเป็นส่วนๆ ไป ทั้งเรื่องของบรรยากาศร้าน และอาหาร ตามมาเลยครับ.
ร้านอาหารอิตาเลี่ยนนี้ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 31 การเดินทางไปที่ร้านสามารถเดินทางไปได้ทั้งเส้นอโศกและเพชรบุรี ส่วนใครมาทางจากเส้น สุขุมวิท 31 ตรงไปจนถึงแยกสวัสดี หรือแยกบ้านคุณอภิสิทธิ์ เลี้ยวซ้ายไปตามทางประมาณ 30 เมตร เส้นนี้บังคับเลี้ยวขวา จะเจอร้าน Calderazzo on 31 อยู่ทางขวามือ โดยมี Mr.Antonio Calderazzo และเชฟ Marco Calderazzo ซึ่งทั้งคู่เป็นชาวอิตาเลี่ยน ถ้าเราได้สังเกตุจากนามสกุลแล้วคาดว่าน่าจะเป็นครอบครัวเดียวกันที่ได้นำเอานามสกุลมาตั้งเป็นชื่อร้าน คือ “Calderazzo” และนำเอาเส้นถนนมาเติมเพื่อให้จำได้ง่ายขึ้นนั่นเอง
จากการสอบถามเจ้าของร้าน ได้เรื่องว่า ร้านนี้เคยเปิดให้บริการที่หลังสวนมานานแล้วกว่า 12 ปี เพิ่งได้ย้ายมาอยู่สุขุมวิท 31 โดยยังคงคอนเซ็ปของร้านเดิมคือ “เรามีความสุขกับการกินอาหารอร่อย ไวน์ดี อยากให้ลูกค้าได้มาสัมผัสความสุขแบบเราเช่นกัน” ซึ่งเป็นคอนเซ็ปที่โดนใจมาก ร้านเค้าเปิดให้บริการเฉพาะช่วงมื้อค่ำเท่านั้นนะ หลังเลิกงานจะพบปะเพื่อน ๆ หรือจะไปดินเนอร์กันแบบหรู ๆ ที่นี่น่าจะเหมาะมาก จะช้าอยู่ทำไมไปชิมอาหารกันดีกว่า เริ่มหิวแล้ว
อ่อ!! ลืมบอก ขอบอกว่าที่นี่จะไม่มีที่จอดรถเป็นของร้านเองนะครับ แต่จะมี Valet Parking ให้ คือเมื่อไปถึงร้านแล้ว จอดรถหน้าร้านได้เลย แล้วให้พนักงานไปจอด
การตกแต่งร้าน
ร้านมีอยู่ด้วยกัน 2 โซนคือ โซนเอ้าท์ดอร์ และอินดอร์ สำหรับเอาท์ดอร์นั้นคาดว่าเอาไว้สำหรับลูกค้าที่ต้องการสูบบุหรี่ จึงมีที่นั่งเพียงเล็กน้อย สำหรับอินดอร์นั้นมีอยู่ด้วยกัน 2 ชั้น ชั้นล่างตกแต่งได้โล่งโปรง สวยงาม จัดวางเฟอร์นิเจอร์โต๊ะได้ลงตัว มีความเป็นเอียงเพื่อลดความน่าเบื่อ และใช้สเปซได้อย่างคุ้มค่า เพดานที่ทำด้วยวัสดุคล้ายไม้มีความโค้งเว้าและสูงทำให้ดูโล่งและโปร่งดูมีระดับ และประดับฝาผนังด้วยภาพถ่ายสีขาวดำเต็มพื้นที่ ที่บอกเล่าเรื่องราวของคนในรักการทำอาหารในอิตาลี่
ส่วนชั้น 2 นั้นตกแต่งออกแบบให้เป็นไพรเวท สามารถจัดปาร์ตี้ งานเลี้ยง งานสังสรรค์ได้ ฝาผนังมีติดภาพวาดที่สวยงามเป็นฝีมือของศิลปินชาวไทย เป็นรูปดอกคูณสีเหลืองและรูปนก จัดไฟสวยงามเข้ากันกับโทนสีของสีพื้นสีเทา เฟอร์นิเจอร์ไม้โทนอบอุ่น ทำให้เมื่อได้ย่างก้าวเข้ามายังภายในร้านแล้วเกิดความรู้สึกอบอุ่น เสริมบรรยากาศให้กับการทานอาหาร.
อาหารจาน Compleimentary
อาหารอิตาเลี่ยนไม่ว่าจะเป็นร้านใหนๆ ส่วนใหญ่แล้วจะมีขนมปังมาเสิร์ฟให้กับลูกค้า ร้านนี้ก็เช่นกันจะมีขนมปังที่เป็น คอมพลิเมนทรี่ให้มาเสิร์ฟให้กับลูกค้า เป็นขนมปัง 3 แบบโฮมเมดจากคิทเช่น อบสดใหม่ ขนมปังเนื้อแน่นและหนึบ หอม ทานคู่กันกับซอสแดงที่เชฟทำเองเช่นกัน ทำมาจากพริกหยวกหวานเป็นส่วนผสมหลัก มีรสชาติเปรี้ยวนำ เผ็ดน้อยๆ เมื่อได้ทานแล้วเรียกน้ำย่อยได้ดีเลยทีเดียว
อาหารทานเล่น
N’Dorata อาหารทานเล่นอีกหนึ่งจานที่ทางร้านได้มาให้เราลิ้มลอง จานนี้ทำมาจากมันฝรั่งบด ปั้นกลมๆ เหมือนขนมไข่นกกระทาบ้านเรา สอดใส้ด้วย Ricotta Cheese คลุกเคล้าด้วยส่วนผสมของพริกระฆังหรือที่เรียกว่าพริกหยวกหวานและมะกอก นำทอดลงไปในน้ำมันที่ร้อนจัดจนได้ผิวกรอบสีสวย ทานคู่กันกับซอสพริกสูตรของเชฟ รสชาติออกมา เปรี้ยวนิดๆ เผ็ดน้อยๆ รสชาติกรอบนอกแต่มีความนุ่มหนึบอยู่ภายใน รสชาติไม่โดด ออกแนวมัน ๆ เมื่อได้ทานแล้วเป็นเพลิน
สลัด
จานนี้เป็นจานสลัด เรียกว่า “Ceasar Salad” เป็นสลัดที่เชฟแนะนำให้ลอง เป็นผักสลัดที่ปรุงง่าย ๆ ไม่มีความซับซ้อน ยังคงความสดกรอบของผัก คลุกเคล้าด้วยอกไก่แล่ชิ้นพอดีคำ คลุกเคล้าด้วยน้ำสลัดสูตรพิเศษของเชฟ มีความฉ่ำของเนื้ออกไก่ รสชาติโดยรวมแล้วทำใด้ดี รสบางๆ และไม่เลี่ยน คนที่ชื่นชอบสลัดแบบรสไม่จัดจานนี้อยากให้ลองสั่งมาทาน แนะนำเลย.
ใครที่ชื่นชองทานชีสเป็นชีวิตจิตใจ หรืออยากลองลิ้มลองการทานชีสแบบอิตาเลียน จาน “Caprese Salad” เป็นอีกหนึ่งเมนูที่เชฟบอกว่าเหมาะ ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายๆ เมนูที่ลูกค้าชอบสั่งมาทาน เชฟจัดจานได้สวยงามดีทีเดียว เป็นการจัดวางชีส Mozzarella เป็นชั้นๆ วางคั่นด้วยมะเขือเทศฝานเป็นชิ้น สีขาวแดงคอนทราสกันได้อย่างลงตัว แถมรสชาติก็ดีอีกด้วย ส่วนซอสที่ราดอยู่บนชีสนั้นเป็นซอสบัลซามิค เปรี้ยวนิดๆ แล้วก็นำเอาใบโหระพาทอดกรอบมาตกแต่งหน้าจาน นอกจากหน้าตาที่สวยงามแล้วรสชาติก็ดีอีกด้วย.
ชีส
“Burrata Cheese” ชีสเลิฟเว่อร์เป็นต้องถูกใจ จานนี้ทำมาจาก Mozzarella Cheese สด ปั้นกลมคล้ายไข่ออนเซ็น มีความหอม นุ่มหนึบและมันของชีส สอดใส้นุ่ม ๆ เมื่อแบะออกมาแล้วจะเป็นแบบครีมมี่ๆ ออกมา จัดจานเสิร์ฟออกมาด้วยมะเขือเทศเชอรี่สด รสหวานเปรี้ยวไม่มี เมื่อได้มาทานอาหารที่ร้านจานนี้อยากให้ลองมาสั่งทาน ถูกใจแน่อน.
พิซซ่า
Magaritta Pizza เป็นแนวพิซซ่าแบบใหม่ที่ไม่เหมือนที่ใหนแน่นอน พิซซ่าดูแล้วธรรมด๊าธรรมดา แต่รสชาติไม่ธรรมดา มีความกรุบๆ ก้อนเล็กๆ ที่ได้มาจากแป้ง Semolina แต่มีความฟูและเบา ราดด้วยซอสมะเขือเชอรี่ซึ่งเป็นซอสโฮมเมดเชฟทำเองทำเมื่อลูกค้าสั่งเท่านั้นไม่ทำเก็บไว้เหมือนร้านทั่วๆไปที่เราคุ้นเคย โรยด้วยมอซซาเรลล่าชีส และตกแต่งด้วยใบโหระพา สูตรนี้ไม่มีเนื้อสัตว์เข้ามา เหมาะสำหรับคนที่ทานมังสวิรัตน์ และคนที่ไม่ทานเนื้อสัตว์..ขอบอกว่าเท่าที่พิซซ่ามานี่ ตัวนี้แหละที่มีความแปลก รสเบา นุ่ม หนึบ กรอบในตัว
อาหารจานแป้งอีกตัวที่เราได้มาเทสกันก็คือ “พิซซ่าพัฟฟ์” เรียกแบบนี้ก็แล้วกันเนอะ เพราะว่าหน้าตาเหมือนพัฟมากๆ แต่มีขนาดที่ใหญ่กว่าสามารถทานได้ประมาณ 4-5คน ชิ้นใหญ่ทีเดียว คือแป้งพิซซ่าตัวเดียวกันกับด้านบน พับครึ่งสอดใส้ไว้ มีทั้งอาหารทะเล มะกอกดำ และซอสมะเขือเทศโฮมเมด แป้งสีเหลืองสวย มีความฟูพองทานแล้วกรอบนอกนิดๆ และหนึบเล่นลิ้น รสชาติเบาๆ ควรทานคู่กันกับซอสพริกจะได้รสชาติที่ถูกปาก หากใครที่ชื่นชอบแบบออริจินอลก็ทานได้ อร่อยไปอีกแบบ.
พาสต้า
อาหารของทางร้านแบ่งออกมาเป็นหมวดหมู่อย่างชัดเจน ซึ่งแต่ละหมวดได้เลือกออกมาพรีเซ็นต์แล้ว ต่อมาก็เป็นหมวดของ “พาสต้า” โดยเชฟแนะนำ “Gamberi” จานนี้ทำมาจากเส้นพาสต้าแลกวินี่ ลวกมาเกือบสุกมีความกรุบๆ น้อยมากตามเคล็ดลับของเส้นแบบฉบับอิตาเลี่ยน นำมาผัดกับซอส คลุกเคล้าด้วยน้ำมันมะกอก ผสมด้วยเนื้อกุ้งลายเสือแกะเปลือก เพิ่มความหอมของเส้นด้วยมันหัวกุ้ง ทำให้ได้รสชาติที่ลงตัว หอม หวาน มัน เชฟเน้นรสชาติของวัตถุดิบจริงๆ ไม่ปรุงแต่งมาก จานเรียบง่าย แต่อร่อย.
หอย
“หอยแมลงภู่ออสเตรเลียอบเกล็ดขนมปังและชีส “ จานนี้ใหญ่มาก เสิร์ฟออกมาตกใจเลย สามารถทานได้ 6-8 คน หากไปกันหลายคน อยากแชร์กันทาน ควรสั่งเมนูนี้เลย รับรองว่าคุ้ม เชฟบอกว่าเป็นหอยแมลงภู่นำเข้าจากออสเตรเลียแบบสด ๆ ไม่ผ่านกระบวนการแช่แข็ง นำมาผ่านกระบวนการปรุงด้วยการอบ โรยด้วยเกล็ดขนมปังและชีส เมื่อได้ลองทานแล้วต้องร้องว่า “อืม!! เข้าท่าอะ” เนื้อหอยหวานหนึบ มีความกรุบกรอบของเกล็ดขนมปัง และมีความหอมของชีสเตะจมูก
ปลา
ผ่านไปหลายเมนูแล้ว เรามาเริ่มกับเมนูอาหารจานหลักกันบ้าง ที่เลือกมาลองคือเมนูปลา “Australian Prime Deep Sea Wild Fish” ซึ่งเป็นเมนูอาหารจานอบที่ได้ทำมาจากปลา กะพงทะเลน้ำลึกนำเข้ามาจากออสเตรเลีย เชฟคัดเลือกเฉพาะชิ้นที่อยู่ส่วนกลางของปลา ได้เนื้อที่แน่นเป็นชิ้น แล้วนำมาปรุงด้วยเกลือและพริกไทยดำ ตกแต่งจานด้วยมะนาว มันฝรั่งอบรูปดอกกุหลาบ ทานคู่กันกับแอนติโช้ก เพิ่มความหอมของอาหารจานนี้ด้วยโรสแมรี่
เนื้อ
สำหรับคนที่ชอบทานเนื้อย่าง ที่ร้านนี้มีให้เลือก 2 ประเภทคือ เทนเดอร์ริบอาย และทีโบน เป็นเนื้อออสเตรเลี่ยน ดำอังกัซ นำเข้าจากออสเตรเลีย ซึ่งมีความนุ่มและชุ่มฉ่ำของเนื้อ ทางร้านบอกว่าเป็นเนื้อวัวที่ปราศจากสารปฎิชีวนะเร่งฮอร์โมน ริบอายมีให้เลือกแบบ 300 กรัม 500 กรัม และ 1 กิโลกรัม ส่วนทีโบนนั้นมีเพียงขนาดเดียวคือ 1 กิโลกรัม
เมื่ออาหารได้มาเสิร์ฟตรงหน้าแล้วขอบอกว่า “โอ้!! ใหญ่เยอะ อลังอะ จะทานหมดหรือเปล่า” เพราะว่าจานที่อยู่ตรงหน้านี้มันใหญ่ม้าาากก เราสามารถสั่งตามชอบเลยนะว่าต้องการเนื้อสุกระดับใหน สุกมาก สุกน้อย สุกปานกลางได้ แต่ถ้าจะให้อร่อยต้องเป็นแบบ Medium Rare เนื้อนุ่มมาก ๆ ฉ่ำเยิ้มมากๆ หวานฉ่ำ เข้าปากทีไม่ต้องเคี้ยวมากเกือบละลายในปากเลย ทานคู่กันซอสและผักเคียงอบ อร่อยมาก หากได้มีโอกาศไปอีกจะไม่พลาดที่จะสั่งเมนูนี้อีกแน่นอน.
ของหวาน
มาถึงคราวของหวานกันบ้าง เราได้ลิ้มลอง 2 รายการคือ ตัวแรก Tiramisu เนื้อของเค้กเบามาก ๆ รสไม่เข้มและไม่ขมเกินไป เสิร์ฟมาพร้อมกับไอศกรีม ทานแล้วชื่นปากชื่นคอดีแท้ และอีกตัวคือ Tarta Di Mele Choccolato เค้กช๊อกโกแล็ตเนื้อนุ่ม เสิร์ฟด้วยไอศกรีมวานิลาเจลาโต้ อร่อยเข้ากัน
เท่าที่ได้ไปและประสบพบเจอนั้น ร้าน Caldorezzo on 31 เป็นร้านอาหารอิตาเลี่ยนดั้งเดิม อาหารปรุงสไตล์เรียบง่าย ไม่เน้นการปรุงแต่งรสชาติมาก ใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ เชฟมีความชำนาญ ร้านตกแต่งสวยงามหลายโซน นั่งสบาย เจ้าของร้านและพนักงานบริการดี ใส่ใจลูกค้า แต่ก็มีข้อเสียคือราคาอาหารอาจสูงไปนิดตามสไตล์ร้านอาหารอิตาเลี่ยน และเป็นที่น่าเสียดายไปนิดที่ทางร้านยังไม่มีที่จอดรถเอง มีแต่ Valet Parking ให้ ใครที่กำลังมองหาร้านอาหารอิตาเลี่ยนสไตล์นี้ที่นี่จะเหมาะมาก เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว.
- เฟสบุ๊คร้าน : https://www.facebook.com/CalderazzoOn31/
- เบอร์โทรร้าน : 02 258 3828
- เวลาเปิด-ปิด : 18:00 – 23:30 น.