เที่ยวนครนายก สูดอากาศบริสุทธิ์ไกล้กรุงเทพ ฯ เข้าสวนมะยงชิด ล่องแก่ง

เที่ยวนครนายก แหล่งท่องเที่ยวไกล้กรุงเทพมหานคร ที่มีแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจหลายแห่งให้ได้ไปสัมผัส ทั้งภูเขา น้ำตก ล่องแก่ง สถานที่ท่องเที่ยวทางศาสนา เรียกได้ว่าท่องเที่ยวเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ หลีกหนีความวุ่นวายของเมืองกรุงได้ดี จะไปเช้าเย็นกลับ หรือจะพักค้างแรมก็ย่อมได้

ครั้งนี้เราได้มากับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท) ในฐานะสื่อด้านการท่องเที่ยว นำโดยท่านสกล ทองคำ ผู้อำนวยการสำนักงานนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว มารู้จักกับแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ ที่น่าสนใจในจังหวัดนครนายก และปราจีนบุรี จำนวน 30 คน โดยทริปนี้ใช้เวลาในการท่องเที่ยว 2 วัน 1 คืน

กิจกรรมวันแรก : เที่ยวนครนายก

07.00 -10.00 น. : ทุกคนพร้อมกันไปที่จุดนัดพบคือ “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานใหญ่ กรุงเทพฯ” ลงทะเบียน และทานอาหารกล่อง พร้อมออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังจังหวัดนครนายก ใช้เวลาในการเดินทาง 2 ชั่วโมงโดยประมาณ

11.00 – 12.30 น. : เดินทางมาถึง “สวนมะยงชิด ละอองฟ้า 2” ซึ่งเป็นสวนมะยงชิดที่นับได้ว่าเป็นสวนที่ดีที่สุดอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดนครนายก สวนมะยงชิดละอองฟ้านี้เป็นพันธุ์ทูลเกล้า ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศในการประกวดมะยงชิด เพราะลูกใหญ่ เนื้อหวานอมเปรี้ยว จึงอร่อย มีจำหน่ายทั้งต้นพันธุ์ ผลสด ลอยแก้ว น้ำปั่น และไอศกรีม ในส่วนของผลสดนั้นจำหน่ายเป็นกล่องตามเกรดของผล

12.30 – 14.00 น. : มุ่งหน้าไปยังร้านอาหาร “มีน้ำ มีนา” ซึ่งเป็นร้านอาหารที่ได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักของเหล่านักท่องเที่ยวและนักชิมทั้งหลาย ที่นี่มีให้บริการครบวงจร ทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ รีสอร์ท และสวนน้ำ

14.00 – 15.00 น. : มุ่งหน้าไปยังโรงแรม “ภูสักธาร รีสอร์ท” เราเข้าพักและค้างแรมกันที่นี่ โดยทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้จัดห้องพักให้ แต่ละห้องพักจะได้พักกันเป็นคู่ๆ โรงแรมสักธาร รีสอร์ท นี้อยู่ไม่ไกลจากเขื่อนขุนด่านปราการชล สามารถมองเห็นเขื่อนได้ที่หน้าทางเข้าของโรงแรม โรงแรมตั้งอยู่บริเวณถนนเลียบคลองชลประทาน หินตั้ง มีจำนวน 180 ห้อง บนพื้นที่กว่า 10 ไร่ เงียบสงบ ด้านหลังเป็นลำธารขนาดใหญ่มีกิจกรรมล่องแก่งให้ได้เห็น

ใครที่สนใจจะเข้าพักที่นี่ ลองเข้าไปจองได้ที่เว็บไซต์ Traveloka

ตามลิ้งค์นี้ : https://www.traveloka.com/th-th/hotel/thailand/phusakthan-resort-4000000465300

 ขอแนะนำว่าให้จองผ่านแอพจะสะดวกกว่า จะอยู่ที่ใหนเมื่อใหร่ก็จองได้

15.00 – 18.00 น. : พร้อมเพรียงกันที่จุดนัดพบเพื่อไปทำกิจกรรม “ล่องแก่งสามชั้น” ล่องเรือยาง แพยาง เป็นกิจกรรมที่สนุกและมันส์ที่สุดของการล่องแก่งเลยทีเดียว โดยจุดเริ่มต้นนั้นอยู่ที่บริเวณเชิงสะพานท่าด่าน หลังเขื่อนคลองท่าด่าน แล้วจะไปสิ้นสุดของการล่องแก่งที่บริเวณบ้านวังยาว สามารถมาล่องแก่งได้ตลอดทั้งปี ต้นน้ำนั้นกำเนิดมาจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ไหลมาจากลำธารหลายสายมารวมตัวกัน เช่นคลองตะไคร้ คลองนางรอง มารวมตัวกันเป็นแม่น้ำไหลผ่านจังหวัดนครนายก

18.00 – 21.00 น. : รับประทานอาหารเย็น พร้อมฟังคำแนะนำจากท่านสกล ทองคำ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครนายก มาให้ความรู้เกี่ยวกับแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ ต่างๆ ของนครนายก ปราจีนบุรี และสระแก้ว ท่านได้กล่าวพูดถึง มะยงชิด อันเป็นพืชเศรษฐกิจของจังหวัดนครนายก มีการจัดประกวด ส่งเสริมเกษตรกร จำหน่าย-ส่งออก พัฒนาสินค้า จนได้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั่วโลก หลังจากนั้นก็พากันแยกย้ายเพื่อเข้าไปพักผ่อนตามอัธยาศัย

กิจกรรมวันที่สอง : ปราจีนบุรี

07.00 – 09.00 น. : รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม พร้อมเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรม เพื่อมุ่งหน้าไปยังปราจีนบุรี โดยใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 90 นาที

10.30 – 12.30 น. : มาถึง “พิพิธภัณฑ์ตะเกียงโบราณ หรือพิพิธภัณฑ์อยู่สุขสุวรรณ์” อยู่ห่างจากตัวเมืองไปประมาณ 6 กิโลเมตร ภายในจะมีการแสดงตะเกียงเจ้าพายุ ตะเกียงไขลาน จัดแขวนไว้อยู่ทุกที่มากมายเป็นหมื่นดวง บางดวงมีราคาสูงถึงล้านบาท เป็นการสะสมของเก่าโบราณมาจากหลายที่มาของหลายประเทศทั้งอังกฤษ สหรัฐอเมริกา สวีเดน จีน ฮ่องกง ออสเตรเลีย และไทย

12.30 – 14.00 น. : มาทานอาหารเที่ยงกันที่ร้าน “บ้านเล่าเรื่อง เมืองสมุนไพร” เป็นร้านอาหารสุดคลาสสิคของปราจีนบุรี ตั้งอยู่ในตัวเมืองปราจีนบุรี เป็นบ้านไม้เก่าแก่ทาสีขาวริมน้ำ ตกแต่งแนวเรโทรย้อนยุค รายล้อมโอบด้วยต้นไม้ใหญ่ ถูกดัดแปลงมาเป็นร้านอาหารเพื่อสุขภาพ รวมไปจนถึงเครื่องดื่มสมุนไพร ร้านอาหารนี้จัดแขวนภาพที่บอกเล่าเรื่องของอาหารแต่ละจาน ต้นตำรับมาจากเขมร ฉะนั้นรสชาติของอาหารจึงกลางๆ ไม่จัดนัก เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00 -19.30 น.

14.00 – 16.00 น. : หลังจากรับประทานอาหารเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็มุ่งหน้าไปยัง “ภูมิภูเบศร” เป็นอุทยานแห่งการเรียนรู้เรื่องสมุนไพรไทย จัดแบ่งออกเป็น 3 โซนใหญ่คือ โซนหมอพลอย เป็นการจัดแสดงหมอไทย (หมื่นชำนาญแพทยา) เป็นหมอหลวงในรัชกาลที่ 5 เรือนหลังนี้เป็นเรือนไม้เดิมมีอายุกว่า 100 ปี โดยใช้หลักแนวคิด “บ้านเป็นยา” สร้างความสมดุลให้กับธาติทั้ง 4 ของกาย บริเวณภายในมีการจัดแสดงเครื่องไม้เครื่องมือยาโบราณ โซนที่ 2 ก็จะเป็นการจัดแสดงในรูปแบบสวนสมุนไพร มีการเรียนรู้ตามกลุ่มโรคและอาการ โซนที่ 3 คือโซนไหที่ให้ความรู้เรื่องของไหที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและอาเซี่ยน

16.00 – 18.00 : เดินทางกลับมากรุงเทพมหานครโดยสวัสดิภาพ

ขอขอบคุณการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครนายก ที่ได้ให้เราไปรู้จักแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญๆ และสวยงามมากๆ ในครั้งนี้ ทำให้เราได้รู้ว่านครนายกนั้นก็ไม่ธรรมดา ไม่เป็นสองรองใคร และที่สำคัญคืออยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมหานคร ทริปจบแล้วแต่ความทรงจำที่สวยงามยังไม่จบนะครับ..อยากให้ไปเที่ยวกัน